วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562

บทนำ

   โจเซฟ แซนดรอฟ เด็กชายที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไป ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ที่อยู่ใจกลางเมืองแห่งความรุ่งเรือง กับบ้านไม้หลังเก่าๆ ที่อาศัยอยู่กับยายและสุนัขผู้ซื่อสัตย์  หลังจากที่เห็นร่องรอยการหายไปของพ่อแม่ ทำให้โจไปค้นพบอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องผู้ให้บังเกิดเกล้าเขานั่นเอง จนเด็กน้อยผู้นี้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆที่มีนายทุนและนักการเมืองระดับโลกจากประเทศมหาอำนาจบางคนกำลังใช้เทคโนโลยีทำลายโลกใบนี้ให้สิ้นซาก กับนิยายแนวผจญภัยแฟนตาซี ที่ทำให้โจเซฟได้รับพลังวิเศษบางอย่างที่ได้มา เพื่อที่ปกป้องให้มนุษย์ทุกคนดำรงอยู่ต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2562

ตอนที่ 1 ร่องรอย

โฮ่ง! โฮ่ง! ฮูววววววส์  ฮูววววววส์ !

                แม็ค !! หยุดเห่าเดี๋ยวนี้ เห่าอะไรกัน...

    กลางดึกในคืนหนึ่ง โจเซฟ แซนดรอฟ เด็กชายวัย 12  ปีที่พ่อเป็นคนรัสเซียส่วนแม่เป็นคนพื้นเพอยู่ในบอสตัน ตื่นขึ้นมาทันทีเพราะได้ยินเสียง แม็ค สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนลูกผสมขนสีขาวที่นอนอยู่ปลายเตียงกำลังมองไปทางหน้าต่างซึ่งปกติไม่เคยเห่าหอนขนาดนี้มาก่อน แม้บริเวณรอบบ้านจะมีเสียงรถวิ่งพลุกพล่านไปมาตลอดทั้งวันทั้งคืน หรือบางครั้งก็มีเสียงคนคุยกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน แต่ครั้งนี้ทำให้ โจ ต้องผลักตัวเองลุกขึ้นมาจากที่นอนแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่าง 

              อืมมมม! ไม่เห็นจะมีอะไรเลย  : โจ ตวาดขึ้น    

      พร้อมหันไปที่แม็คด้วยความโมโหผสมความง่วง พอแม็คได้ยินเสียงเจ้านายผู้นี้ จึงหยุดเห่าแต่ก็ยังคงครางเบาบางไม่จบกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกบ้านนั้น แต่โจสังเกตดูบรรยากาศข้างนอกบ้านวันนี้ทำไม... มันมืดสนิท ไฟทางก็ไม่มี ปกติบ้านที่โจพักอาศัยอยู่คือบ้านกลางเมือง ที่ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงและห้างสรรพสินค้ารอบด้าน มีแสง สี สว่างตลอดเวลาทุกคืนราตรีสำหรับที่นี่ไม่เคย มืดมิด...   แต่วันนี้รู้สึกได้ถึงความเงียบสงัด เสียงอึกทึกจากร้านอาหารตอนกลางคืน ดนตรีจากผับไม่มีเสียงใดๆรอดมาสักนิด แต่จะว่าไฟดับก็ไม่น่าใช่ เพราะในห้องนอน พัดลมก็ยังทำงานอยู่.. นี่คือสิ่ง ที่เขาเริ่มสงสัยจึงตัดสินใจออกไปบริเวณหน้าบ้าน และทันทีที่เปิดประตูออกไป สายลมที่เย็นยะเยือกก็ตีสวนเข้าในบ้าน ทำให้โจถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมา นึกหันไปเรียกสุนัขของเขาให้มาเป็นเพื่อนด้วย แต่ดูเหมือนจะรู้งานเพราะมันวิ่งออกไปทันทีที่เปิดประตู ไปดมบริเวณ รอบหาดูแหล่งที่มาทำให้มันเห่า ส่วนโจเดินออกมาเปิดประตูรั้วไม้เก่าบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งรั้วด้านหน้าติดทางเท้าห่างจากประตูเข้าตัวบ้านประมาณ ห้าเมตร ซึ่งลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มี สาม ห้องนอน  มีบริเวณทางเดินรอบบ้าน แต่บริเวณด้านข้างจะแคบมาก เพราะมีกำแพงที่ก่อขึ้นสูงสองเมตร ห่างจากตัวบ้านแค่นิดเดียว ที่ก่อขึ้นมาโดยนายทุน บางคนที่พยายามจะขอซื้อที่ดินของบ้านหลังนี้ เสนอเงินให้มามากมายแต่ทางยายไม่เคยคิดจะขาย ออกไป 

         เป็นไปไม่ได้! ไม่จริงใช่มั้ย! ไม่จริงนี้เราฝันไป    : เขาเอามือตบหน้าตัวเองหนึ่งที ในขณะที่ยืนอยู่บนทางเท้าหน้าบ้านด้วยความงุนงง

      ซึ่งในความคิดของโต บวกกับสิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้า มันคือเมืองที่มองออกไปมีแต่ความว่างเปล่า มืดมิด ไร้มนุษย์ผู้คน แต่ก็มีแสงจากดวงจันทร์ระเรื่อ ส่องให้พอมองเห็นว่าคืออะไร สิ่งที่เห็นคือเป็นลักษณะสภาพตึกสูงที่เพิ่งสร้างมาใหม่ กลายเป็นซากปรักหักพัง ทุกๆอาคารรอบด้านเต็มไปด้วยร่องรอยของการทำลายล้าง เหมือนเมืองที่อยู่ใจกลางสงคราม รถที่อยู่บนถนนทั้งสองฝั่งจอดกันไม่เป็นระเบียบ บ้างก็จอดขวางอยู่กลางถนน บางคันก็พลิกหงายท้อง ซ้อนกัน ทั้งยังมีกลิ่นน้ำมัน กลิ่นดินปืนผสมกับกลิ่นแอมโมเนียกระจายคลุ้งอยู่ในอากาศ ไปทั่วบริเวณ

          กร๊อบบบ!!  : เสียงเหมือนมีคนเหยียบแก้วที่แตกดังมาจากด้านขวาบ้านที่ติดฝั่งกำแพงห้างสรรพสินค้า มีเงาบางอย่าง เคลื่อนไหวเร็วมาก ผลุบหายไปทางฝั่งขาออกของรถ

     นั้นใคร !!   : โจตะโกนออกมา

     พร้อมเดินไปที่เงาตรงนั้น แต่ แม็คสุนัขเลือดผสมเหมือนจะได้ยินก่อน จึงวิ่งนำหน้าเข้าไปตรงหลังกำแพง แม็คก็ได้เห่าขึ้นมาอีก  ครั้งนี้มันลากเสียงขู่ยาวตลอดต่อเนื่อง  โจเห็นแม็คยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมเผชิญอยู่กับความมืดเบื้องหน้า ซึ่งสุนัขของเขาได้หันไปทางต้นตอของเงา แต่มีต้นไม้ใหญ่ข้างกำแพงบังสายตาอยู่ ซึ่งโจมั่นใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน ที่หลบอยู่ด้านหลังต้นไม้นั้น

      ฉึก!!   : เสียงดังขึ้นบริเวณข้างหู

     

     โอ๊ย!! อะไรกัน! เจ็บบบ!!  :  โจร้องขึ้นพร้อมกับเอามือลูบไปที่บริเวณต้นคอ 

      เหมือนเป็นแท่งบางอย่างที่หัวเป็นเข็ม ทิ่มอยู่ต้นคอด้านขวา ด้วยความไวในตอนนั้น ไม่คิดถึงสิ่งใด จึงดึงออกมาวางบนมือทันที  ซึ่งมองผสมแสงจันทร์ที่สลัว ก็พอดูออกว่ามันคือเข็มฉีดยา แต่ต่างตรงที่ลำตัวเข็มไม่ได้ทำมาจากพลาสติกเหมือนที่เคยเจอ มันคล้ายเหล็กแต่น้ำหนักเบา 

       อะไรกันเนี่ย!! โอ้ยยย...  :  เด็กน้อยโอดครวญ

         แต่สายตาก็ยังไม่ลดละที่เงาในตรงนั้น โจรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว แต่เด็กชายคนนี้โดยอุปนิสัย ที่เพื่อนและครูที่โรงเรียนมองว่าความคิดของโจโตกว่าเด็กคนอื่น ความกล้าหาญ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงที่เรียนชั้นเดียวกัน เธอมีชื่อว่า ฟาร่า มาร์ค ที่กำลังโดนพวกเด็กผู้ชายห้าคนรังแก โดนแกล้งเอาหนูไปใส่ในกระเป๋านักเรียน แล้วโจผ่านมาพอดีจึงเข้าไปช่วยแต่เกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนกันซึ่งในช่วงชุลมุน โจหยิบของอะไรได้ในตอนนั้นก็ไล่ฟาดพวกเด็กนักเรียนนักเลงห้าคนแตกกระเจิง เหตุการณ์ครั้งนี่เอง ที่ทำให้เขาเป็นคนน่ากลัวในสายตาเพื่อนๆ แต่ก็มีเพื่อนอีกหลายคนมองว่าเข้าเป็นวีระบุรุษในเหตุการณ์ครั้งนั้น ความกล้าหาญและการเป็นผู้นำที่มีอยู่ในตัวของเด็กน้อยคนนี้ ที่ต้องคอยดูแลสมาชิกใครอบครัว ถึงแม้จะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวก็ตาม แต่เวลานี้ โจต้องสลัดความกลัวออกไปทันที จึงพลันก้าวขาเข้าไปทีละนิดเพื่อจะได้รู้ว่าอะไรอยู่หลังต้นไม้ แต่ทำไมสายตามันเริ่มพล่ามัว..ขึ้นมาทีละนิด.. ขาที่แข็งแกร่งกำลังก้าวไม่ออก

              เสียงเห่า เอะอะ อะไรกัน!! แล้วหลานมายืนทำอะไรหน้าบ้าน นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว  : เสียงของยายมาเรียทำให้โจต้องรีบหันไปทันที ที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้าน

            ยายยย!!  เข้าไปในบ้าน! เดี๋ยวนี้!! อย่าออกมา เข้าไป!!   :พลันชี้นิ้วเข้าไปที่บ้าน เหมือนบอกให้ยายรีบเข้า ทันใดนั้นเอง

          ปัง!!! ปัง!!!     : เสียงมฤตยูที่ว่านี้มันคือเสียงปืน ซึ่งดังมาจากอีกฟากของถนน แต่ทว่าหัวใจดวงน้อยๆดวงหนึ่งกำลังสลายลงไปเพราะสิ่งที่เด็กน้อยเห็นคือเลือดที่ไหลออกจากหน้าผากยาย พร้อมกับล้มตัวลงไปนอนที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้านทันที

               ม่ายยยยยยย !!!  ไม่ใช่อย่างนี้!!   ยายยยย!!  : ใจแทบสลายลงทันที กับภาพเบื้องหน้า

            แก!! ใครกัน! ออกมาเลย!!

อยู่ไหน ฉันจะฆ่าแก!! ฮืออออ...

แกฆ่ายาย ทำไม ฮือออออ..... 

        ภาพเก่าๆ ก็ผุดขึ้นมาในใจของเด็กชายคนนี้ผู้ที่กำลังจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว. ยายที่คอยเลี้ยงดูมา หลังจากที่พ่อแม่ของโจได้ทิ้งหลาน สองขวบ คนนี้เอาไว้ ซึ่งบอกกับยายว่าจะไปทำงาน แต่ก็ไม่เคยได้รับข่าวสารอีกเลย เคยไปแจ้งความตามหาคนหายไว้เมื่อ ห้า ปีที่แล้ว แต่ทางตำรวจก็ไม่เคยพบเบาะแสใดๆ ยายที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ เก็บของเก่าขายส่งเด็กน้อยผู้นี้ ให้เรียนจบชั้นประถม บางครั้งก็ประดิษฐ์ ดอกไม้และทำขนมมาขายหน้าบ้านบ้าง หน้าห้างบ้าง ยายผู้ที่มีความเมตตาแก่หลานแม้ลูกหลานจากที่อื่นมา ยายก็มักจะทำกับข้าวให้กินเสมอ ยายเก่งเรื่องทำอาหารยิ่งของหวานสมัยก่อนถึงกับว่าขึ้นชื่อเลย แต่ที่ยายหยุดทำเพราะมีอาการที่บริเวณก้นกบที่กระดูกจะเคลื่อนมันไม่เข้าที่ เวลาจะลุกก็เจ็บ จะนั่งก็ทรมาน และตาก็จากโลกใบนี้ไปนานแล้วด้วย เหลือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ยาย ยิ้มได้บ้างทุกวันนี้และมีกำลังใจต่อเพราะต้องการเห็นหลานคนนี้เติบโต เรียนสูงๆมีหน้าที่การงานที่ดี  แต่ด้วยสภาพการเงินถึงแม้จะไม่ได้บอกกับทางหลาน แต่เหมือนเด็กชาย ผู้นี้จะรู้ถึงความยากลำบากเช่นกัน ก็ไม่เคยคิดที่จะถามยายให้รู้สึกถึงความอึดอัด แถมยังช่วยงานบ้านทุกอย่าง บางครั้งกลับจากโรงเรียนก็รีบไปเข็นรถที่บรรทุกไปด้วยขวดพลาสติก ที่ยายเดินเก็บมาทั้งวัน แล้วรีบเอาไปขายเพื่อที่จะได้มีมื้อเย็น แล้วนั่งกินด้วยกันสองคนมาตลอดสิบปี ดังนั้นยายก็เปรียบเสมือนแม่ของเขา เป็นได้ทั้งเพื่อนเวลาหลานไม่ได้ออกไปไหน บางทียายก็จะปรับตัวให้หลานรู้สึกว่า นอกจากเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่อง ยายก็ได้เช่นกัน ความรักของยายหลานจึงผูกพันธ์ แน่นแฟ้นกันมากแทบจะตัดขาดจากกันก็เป็นเรื่องยาก โจต้องการเติบโตแล้วดูแลยาย ทำงานหาเงินซื้อของที่ยายชอบ ซื้อรถคันใหญ่ พายายไปเที่ยว เติมเต็มในสิ่งที่พวกเราขาดหายไป แต่วันนี้สิ่งที่อยู่ต่อหน้าของเขา มันทำให้ความฝันน้อยๆของเด็กชายคนนี้ พังลงไปในพริบตา

      ทำไมกัน.. ทำไมมองอะไรไม่เห็นเลยยย  : โจพรึมพรำในลำคอ

 

    จะตะโกนให้ดังแต่ปากมันชา ไม่ไปตามความคิด เด็กชายเริ่มทรุดลงทีละนิด เข่าทั้งสองข้างวางชันกับพื้นมือทั้งสองควาญหาทางที่จะดันตัวขึ้นมาแต่ไม่สามารถทำได้ ในขณะที่ตาเริ่มปิด แต่หูยังคงได้ยิน เสียงรอบข้างได้อย่างชัดเจนดี แม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเร็วไม่เป็นจังหวะ มันเหมือนหัวใจมาเต้นอยู่ที่บริเวณหน้าผาก ตัวเริ่มเย็นขึ้น ร่างกายกำลังเริ่มทรุดลงทีละหน่อย จนตัวเองนอนคว่ำแบนราบลงกับพื้น

     แม็ค..  : เสียงสุดท้ายที่โจ อยากตะโกนให้ สุนัขของเขาได้ยินแต่เหมือนได้แค่คิดเท่านั้น หูยังคงทำงานและเริ่มสัมผัสเสียงบางอย่างที่เหมือนจะเป็นเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

   กร๊อบบบ! ตึบ กร๊อบบบ  ตึบ ตึบ!

               ใครสั่ง!! ให้มันยิงยายแก่ ถ้าพลาดไปโดนเด็กจะทำไง!  : เสียงใครบางคนตวาดขึ้นมา

              พวกอีกฟากถนน ตรงนั้นครับ แต่ต่อไปผมจะกำชับพวกมันอีกทีครับ  แต่ว่าเอาไงกับเด็กคนนี้ดี ดูมันยังเด็กอยู่เลยนะครับ   : เหมือนเสียงชายคนหนึ่งหันไปพูดขึ้นกับใครอีกคนที่ห่างไป  นิดเดียว

              เอามันไปด้วย! ดูยังใช้งานมันได้อีกนานหลายปี เอาขึ้นรถไป แล้วไอ้หมาบ้าตัวนั้นฆ่ามันทิ้งซะ เอาซากมันขึ้นรถไปด้วย เนื้อมันจะแดงๆอร่อย พวกชั้นต่ำที่อยู่ในเหมือง มันชอบ มันขอมา จัดการซะ อย่าช้า!!    : เสียงทุ้มใหญ่กังวาลที่เดินออกมาจากเงาหลังต้นไม้ สั่งขึ้น

      คำสั่งจากชายคนดังกล่าว ทำให้โจรู้สึกได้ถึงความกลัวเข้ามาแบบเฉียบ พลัน อยากตะโกนก็ไม่ออก แรงก็ไม่มี เหมือนฤทธิ์ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ ขนาดจะครางในลำคอยังทำไม่ได้เลย ทุกอย่างเหมือนจะรู้ได้แค่ความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัว อาการเหมือนวิ่งเล่นในร่างกายตัวเองไปมา หูเริ่มจะดับลงแต่เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน คือเสียงของแข็งกระทบกันกับอะไรบางอย่าง พร้อมด้วยเสียงร้องของแม็ค สัตว์ สี่ขาผู้ซื่อสัตย์ ที่รักเจ้าของยิ่งกว่าอะไร ร้องดังขึ้นมาแค่ทีเดียว จากนั้นทุกอย่างดูเหมือนความว่างเปล่า จิตที่เหลืออยู่ให้คิดก็เริ่มจะดับลงเช่นกัน.. เสี้ยววินาทีสุดท้ายที่โจคิดคือถ้ายาที่โดน มันแรงเขาอาจตาย

                ยายยยยยย......   : เป็นสิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนั้นแล้วทุกอย่างก็ดับลง.......

       สภาพที่ไร้แรง รู้สึกได้เพียงแค่ตัวส่ายไปมา เหมือนนอนอยู่ท้ายรถที่กำลังไปตามถนนขรุขระ แต่รุ้สึกจะแรงขึ้นเรื่อยๆ

           ตื่น ตื่น ตื่น!! ลุกได้แล้ว..  :เสียงใครบางคนที่กำลังปลุกให้เขาลงจากรถ
แต่ทำไมเสียงนี้มันคุ้นหูเหลือเกินทำให้โจ เด็กที่อยู่ในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เริ่มมีความรู้สึกนึกถึงยายมาเรียและแม็คสุนัขของเขามาเป็นอันดับแรก ภาพที่ยังติดตาที่เห็นยาย โดนยิงต่อหน้า และเสียงแม็คที่ได้ยินครั้งสุดท้ายไม่รู้ว่ารอดชีวิตจากไอ้พวกมัจจุราชพวกนั้นได้หรือเปล่า น้ำตาของเด็กคนนี้ไหลลงอาบสองแก้มในขณะที่ตา ยังปิดอยู่

             เอ้า! เป็นอะไรกัน ร้องไห้ทำไม ตื่น ตื่น ตื่น!  :พร้อมเขย่า ตัวโจอย่างแรงขึ้น

     ครั้งนี้ โจเริ่มมีสติและพยายามที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมา เขาก็เริ่มที่มีแรงเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเสียงคนที่ปลุกทำให้เขาอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าเป็นใคร ในความรู้สึกเหมือนได้ยาวิเศษ เพราะอย่างน้อยเขายังได้ยินเสียงนั้นหมายถึงเขายังไม่ตาย ตาที่เริ่มเปิดขึ้นมารับแสงอาทิตย์ที่ไชเข้ามาที่เปลือกตาทีละนิด และภาพเริ่มปรากฎเห็นเล็กน้อย มันเบลอจนยังแยกไม่ออกว่าอะไรอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างมา กระทบที่หน้าเขาลักษณะ เหมือนเป็นวัตถุเปียกๆ ปาดไปปาดมาที่หน้าและลูกตาทำให้การมองเริ่มดีขึ้น สิ่งหนึ่งที่เมื่อเขาเปิดเปลือกตาได้เต็มที่ ความรู้สึกในแวบแรก เขารู้เลยนั้นคือความฝันเพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้น

         ยายยย..นี้ผมฝันไปใช่มั้ยยายย ยายตายแล้ว ยายมาหาผมหรอครับ : เด็กน้อยพูดเสียงเครือผสมน้ำตาที่ยังไหลลงมา

พร้อมพยายามยกมือขวาขึ้นมาจับที่หน้ายายแล้วเห็นเจ้าแม็คที่กำลังเลียที่หน้า ทำให้โจเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าสิ่งที่เปียกนั้นก็คือลิ้นของแม็คนี่เอง

          ตายอะไรกัน โจเซฟ ใครตาย  :ยายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่งุนงง

          ก็ยายโดนยิง ที่หน้าบ้าน ผมเห็น ยาย ฮือออ : โจร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งเสียใจ ที่วิญญาณยายไม่เป็นสุขที่ต้องมานั่งห่วงเขา

           ยิงอะไรตื่นได้แล้ว หลานฝันไป   :ยายเอามือเช็ดน้ำตาที่เปรอะบนใบหน้าของหลานรักที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก

            ต้องไปโบสถ์ วันนี้วันอาทิตย์นะ โจ เราเองก็ลุกได้แล้ว เดี๋ยวมันจะสาย : ยายพูด พร้อมกับดึงโจขึ้นมานั่ง แต่มือที่ยายดึงกลับโดนมือของเด็กชายโจจับอย่างแน่น

           ยายยยย... ยายจริงๆใช่มั้ย ผมไม่ได้ฝันไปนะครับ ยายยย..ฮือออ :โจค่อยๆพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเครือผสมเสียงสะอื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ แล้วจ้องมองยายด้วยความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ

           หลานฝันถึงอะไรเล่าให้ยายฟังได้มั้ย : ยายมาเรีย ถามพร้อมกับใช้มือลูบที่แก้มขวาของเด็กน้อย

    ในตอนนั้นโจพยายามนึกถึงเรื่องที่ฝันเมื่อคืนเพราะไม่รู้จะเริ่มอย่างไรแต่ทุกอย่างเหมือนจริงมาก มันมีลำดับขั้นตอนที่เขาจดจำได้ทุกเสี้ยววินาที แต่ทว่ามันก็คือความฝันที่เล่าไป มันจะกลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ จึงไม่คิดที่เล่าให้ยายฟัง เพราะอยากให้ยายรู้ว่าเขาเป็นหนุ่มแล้ว ถ้ายังฝันเรื่องอย่างนี้จนน้ำตาไหลพราก เขายังคงเป็นเด็กในสายตาของยายตลอดไป เขาอยากให้ยายรู้ว่าเขาเข้มแข็ง และต่อให้เล่าไปจะสะเทือนใจมาก ถ้าบอกว่ายายโดนยิงตาย

             ไม่มีอะไรครับ แค่ผมตื่นมาเห็นยาย ผมก็ดีใจแล้ว ดีใจมาก ผมอยากเห็นยายทุกเช้าเลย ผมขอกอดยายนานๆได้มั้ยครับ  :ยายพยักหน้าด้วยความเอ็นดู

ไม่ทันสิ้นเสียงขอเด็กน้อย เขารีบโน้มตัวเข้าไปกอดยายอีกครั้งด้วยความแนบแน่น ความรู้สึกที่อบอุ่น เป็นที่พึ่งของดวงใจน้อยๆของเด็กชายคนนี้ หลังจากนั้นยายเดินออกไป เด็กชายโจเซฟรีบลุกไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไป สิ่งที่เห็นคือคนที่พลุกพล่านเดินไปมา ตรงข้ามมีสิ่งที่กำลังปลุกสร้างอยู่อย่างอึกทึกครึกโครม เต็มไปด้วยคนงานก่อสร้างแล้ววิศวะที่เดินถือเอกสารไปมาอย่างวุ่นวาย เขาเหลือบหันมาที่แม็ค ที่นั่งยิ้มแลบลิ้นกระดิกหางมองหน้าเจ้าของมันด้วยความรัก โจก้มลงมาที่มันพร้อมเอามือลูบหัวหนึ่งครั้งก่อนจะกอดสุนัขของเขาด้วยความดีใจ ในตอนนั้นโจคิดในใจว่านอกจากยายที่เขาต้องดูแล สุนัขของเขาก็พร้อมที่จะปกป้องมันสุดกำลังเช่นกัน มันคือครอบครัวของเขา แม็คไม่ใช่ใครอื่น หลังจากนั้นโจต้องรีบอาบน้ำเพื่อที่จะไปโบสถ์ ในตอนนั้นเองที่กำลังแปรงฟัน โจเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป  มือที่กำลังจับแปรงต้องค้างอยู่ท่านั้นพร้อมในตาที่เบิกโพรงต่อหน้ากระจกที่เขากำลังมอง เพราะสิ่งที่เห็นมันคือ

    รอยจุดสีแดงที่ต้นคอด้านขวา...